วันที่ 9 อ.เมือง จ.ปัตตานี ถึง อ.เมือง จ.นราธิวาส
อยากด่าตัวเอง ถ้าวันนี้จะปวดฉี่บ่อยขนาดนี้ รู้งี้ใส่แพมเพริสไปด้วยแล้ว ฉี่ทุกๆ 20 นาทีเลย หิวน้ำก็หิว แต่ไม่กล้าดื่มเพราะกลัวปวดฉี่ คนก็เยอะ เกรงใจ
6 จังหวัดแล้ว โอ๊สสสสส ระยะทางทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น 676 กิโลเมตร
ตื่นตั้งกะตี 5 แทบจะไม่อยากลุก วันนี้ชมรมปัตตานี จะขี่ไปส่งถึง อ.เมือง นราธิวาสเลย แต่ก็มีประสานงานให้ชมรมจักรยานรายทางของแต่ละอำเภอ ออกมารับด้วยเช่นกัน
ประเดิมที่กลุ่มชมรมจักรยานยามเช้า ที่มาส่งขอบเมือง คุณลุง คุณป้า แต่ละคนดูอายุไม่ใช่น้อยๆ แต่ปั่นเก่งกันทุกคนเลย ไวมาก ทุกคนน่ารักมาก ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ยามเช้า น่าเสียดายที่ไม่ใช่วันหยุด ไม่งั้นคงจะได้มาส่งถึง อ.ยะหริ่ง
ต่อมาก็พาไม่ทานข้าวเช้าที่ อ.ยะหริ่ง รสชาติมัสมันอร่อยไปอีกแบบ ระหว่างทางมีพาไปเที่ยว มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่า ที่สร้างตั้งกะเมื่อ 300 ปีที่แล้ว หลังจากคุณลุงไกด์เล่าเรื่องราวให้ฟังจบ มีพี่อีกคนเดินมาบอกว่า ที่นี่ไงที่เป็นข่าว ยิงกันตาย 28 ศพ…….. เหมือนกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เรียบร้อย ถ้าพี่เขาไม่บอกก็ดูไม่ออกเลยว่าเคยเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ พาไปดูกุโบร์ของผู้สร้างมัสยิดนี้ด้วย (ขอโทษจริงๆแน็ตลืมชื่อคนสร้าง) แล้วก็พาไปดูวังของหนึ่งใน 7 เจ้าเมืองที่ อ.ยะหริ่ง สวยมาก สไตล์คุ้นตา ลุงเลยบอกว่า สร้างสมัยร.5 มิน่าละดูคุ้นๆ ก่อนออกจาก อ.ยะหริ่ง คุณลุงไกด์ก็กลับบ้านไป ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยมาดูแล เล่าเรื่องราวต่างๆ แม้แต่ตามมาช่วยดูว่ามาร้านซ่อมมือถือถูกมั้ย ขอบคุณจริงๆ
ขี่ไปเรื่อย จำนวนคนจาก 30 กว่าก็เริ่มลดลง เหลือ 20 คนได้ แล้วสุดท้ายก็เหลือแค่ 10 คน เป็น ทีมเสื้อส้ม ที่อาสามาพาไปส่งถึงนราธิวาส พี่เขาว่าคนจะมาเยอะกว่านี้อีก แต่รถมาคันจักรยานกลับไปมีไม่พอ เลยให้มาได้แค่ 10 คน
ระหว่างทางเห็นทหารถือปืนรายทาง พี่ซีบอกว่า เนียะประสานงานไปทางทหารแล้วให้มาอารักขาจนถึงนราธิวาส อึ้งไปเลยทีเดียว ที่ไหนได้ พี่ซีอำ คือทหารเขามายืนแถวนี้อยู่แล้ว ระหว่างทางก็ได้เจอกับทีมจักรยานจาก อ.ต้นไทร อ.ยี่งอ ซึ่งได้ประสานงานไปทางเทศบาลของอำเภอนั้นๆ ทางปลัดอำเภอ ก็มาต้อนรับด้วย น้ำ ผลไม้ อาหาร ไอติม แม้แต่กาแฟอเมซอนก็มี ขอบคุณมากจริงๆคะ ถ้ามีตกหล่นชื่อ หรือ อำเภอไหนแน็ตขอโทษด้วยนะค่ะ จำได้ไม่หมดจริงๆ มีแวะพาชม พิพิธภัณฑ์ในอ.ยี่งอด้วย เห็นด้วยคะ ที่พี่ๆนำของเก่าๆพวกนี้ รวมไปถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ มานำเสนอให้คนรุ่นใหม่ทราบ เขาจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองมาจากไหน ได้ไปเห็นดาบพระราขทาน ที่เจ้าเมืองยี่งอ ได้รับมาจาก ร.5 ได้เห็นเครื่องดนตรีที่ทำมาจากไม้ไผ่ และมะพร้าว ของง่ายๆพื้นๆแต่สามารถนำมาผสมกันได้ลงตัวขนาดนี้ นับถือภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆคะ
ระหว่างทางมีแวะพาไปดูมัสยิด 300 ปี ไม้ทังหลัง สวยงามมาก ระหว่างทางฝนตก ก็ไปยืนลบฝนไล่ทีวัวกันซะงั้นอะ เหอเหอ พอไปถึงพวกพี่ๆเขาก็ได้เวลาละหมาดพอดี ฝนก็ตกพอดี เราเลยอาศัยหลบฝนในมัสยิด 300 ปีระหว่างรอพี่ๆเขาละหมาด วันนี้เรียนรู้อะไรมาเยอะคะ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และประเพณี
จบวันด้วยการแวะไปที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงาน จังหวัดนราธิวาส ขอบคุณคะที่เซ็นต์ให้ ไปต่อที่ร้านจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนราธิวาส ร้าน ซานา ก็ขอบคุณอีกเช่นกันที่เซ็นต์เล่มให้ แต่ที่ขอขอบคุณมากกว่านั้นอีกคือ ขอบคุณที่เปิดห้องให้พักที่โรงแรมตันหยง และพาไปเลี้ยงอาหารเย็น ซุปเนื้อ ข้าวไข่เจียวที่อร่อยมาก ไม่เคยทานซุปเนื้ออร่อยขนาดนี้มาก่อน แต่ว่าที่อร่อยกว่าเดิมนี่คงเป็นเพราะเพื่อนๆพี่ๆที่มาร่วมโต๊ะทานกันอย่างแน่นอน
วันนี้ปั่น 117 กิโล แต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเพราะอากาศเป็นใจ ร่มเย็น ฝนตกนิดหน่อย แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือมิตรภาพของพวกพี่ๆ ที่มีให้ตลอดทาง ถึงแม้คนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ขี่จักรยาน แต่เราก็รับรู้ถึงมิตรภาพความใจดีของคนที่นี่ได้ ทุกคนโบกไม้โบกมือ ทักทายตลอดทาง ถึงแม้ว่าเราจะผ่านพวกคุณไปด้วยเวลาแค่ 2 วินาที แต่เราก็รับรู้ได้ค่ะว่าจริงๆแล้ว คน 3 จังหวัดนี้เป็นอย่างไร แตกต่างจากที่สื่อ หนังสือพิมพ์ อย่างไร อยากจะฝากไปถึงพวกคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้เกินสงขลา ไม่เคยมาเหยียบที่นี่ วันๆเอาแต่เสพข่าวจากพวกนั่งเทียนเขียน แล้วมาบอก หรือห้ามคนอื่นไม่ให้เข้ามาใน สามจังหวัดนี้ ก็ขอให้คุณเงียบไปนะคะ ไม่กล้ามาเองก็อย่ามาห้ามคนอื่นดีกว่า คนที่นี่ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด พวกเขานิสัยดี ดูแลคนต่างถิ่นดีพอๆกับดูแลลคนในครอบครัวของเขาเอง
วันนี้เราพักที่นี่ แต่ชมรมปัตตานีทั้ง 10 ชีวิตที่มาส่งถึงนราธิวาสได้นั่งรถกลับบ้านไปแล้ว ขอให้เดินทางปลอดภัย พรุ่งนี้กลับถึงปัตตานีแล้วจะโทรหานะคะ (นี่แค่ลาแค่นี้ยังจะร้องไห้เลย มะรืนนี้ลายาวเลย คงน้ำตาไหลแน่ๆ 555 ยิ่งบ่อน้ำตาตื่นอยู่)
***ต่อเติม เมื่อกี้เดินไปเซเว่นมา ผ่านตึกที่โดนระเบิดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทหารนั่งถือปืนอยู่ เพื่อความชัวร์เลยไปถามพี่ทหารเขาก็ยืนบยันมาให้ว่า ใช่คับ ก็เลยถามกลับไปว่า ที่นั่งเฝ้านี่เพราะกลัวโดนระเบิดอีกหรือเปล่าคะ เพราะอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักเหลือเกิน พี่ทหารบอก ไม่ใช่คับ นี่เป็นจุด Safety Zone แล้วก็เฝ้าไว้เพื่อมันถล่มคับ อืม….ฟังแบบนี้แล้วค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย