On The Road

วันที่ 7 อ.เทพา จ.สงขลา ถึง อ.เมือง จ.ปัตตานี

5 จังหวัดแล้วค่า เย้ๆๆ หนทางยังอีกยาวไกลยิ่งนัก ระยะทางวันนี้ก็ประมาณ 70 กว่าโล

ก่อนเข้าเรื่องวันนี้ ขอเล่าเรื่องเมื่อคืนก่อน ระหว่างทานอาหารเย็น ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเสรี เจ้าของโรงแรม สะกอม คาบาน่า มานั่งคุยกันเรื่องความสุข 555 เหมือนคนแก่เลยมั้ย คุณลุงเสรีบอกว่า เกษียณตั้งกะตอนอายุ 48 แล้วก็มาร่วมหุ้นกับพี่น้องซื้อที่ผืนนี้ สร้างเป็นรีสอร์ท เราก็สงสัย ทำไมเกษียนไวจัง คุณลุงบอก มาทำพวกนี้ตอนที่ยังมีแรงดีกว่า ให้มาเริ้มทำตอนเกษียน 60 คงแย่พอดี คุณลุงบอก เปิดรีสอร์ทนี้ทำแล้วมีความสุข ไม่ได้ทำเพราะจำเป็นต้องทำ แต่ทำเพราะอยากทำ ตอนนี้รีสอร์ทนี่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในบ้านของคุณลุงไปแล้ว เวลามีแขกมาพักก็เหมือนมีเพื่อนมาเยี่ยม ทำแบบนี้แล้วมีความสุขกว่า มิน่าหละพักที่นี่แล้วให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านจริงๆ ที่นี่แปลกอยู่อย่างค่ะ เพราะว่าปิดทุกวันพฤหัส เคยเห็นโรงแรมมีวันปิดทำการมั้ย แน็ตไม่เคย คุณลุงบอก วันพฤหัสนี่ปิดไฟป้ายรีสอร์ทเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทมา ก็จะบอกไปว่าห้องเต็ม ก็ลืมถามลุงไป ว่าถ้าคนเข้าพักวันพุธ พักสองคืน แล้วอยากทานอาหารวันพฤหัสนี่ คุณป้าจะมาทำให้มั้ย ลืมบอกไปที่นี่มีคุณลุงทำหน้าที่อยู่หน้าฟอน์ท เบล์บอย เด็กเสริฟ และคุณป้าภรรยาของคุณลุง เป็นแม่ครัว อาหารอร่อยมากคะ แนะนำ มักโรนีไก่ 555 พูดแล้วก็อยากกินอีก

ย้ำอีกครั้งคะ ว่าถ้ามาแทบนี้แนะนำที่นี่เลย เท่าที่ขี่ผ่านมาสถานที่ ห้องพักที่นี่ดีที่สุด เป็นบ้านไม้ แทนที่จะเป็นบ้านปูน มีสวนกว้าง เห็นวิวชายหาดทุกห้อง ไม่เหมือนที่อื่น เห็นอยู้ไม่กี่ห้อง ราคาก็พอๆกัน แต่ถ้าเทียบห้องวิวทะเล ที่อื่นจะคิดราคาพันกว่าบาท ที่นี่ก็ยัง 800 เหมือนเดิม ห้องพัดลมแค่ 600 เอง

ระหว่างทางเข้าจังหวัดปัตตานี เห็นทหารตั้งด่านตรวจ มีบังเกอร์ ถืออาวุธครบมือ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กกรุงเทพ พอเห็นคนใส่เครื่องแบบตั้งด่านที่ถนน ก็คิดว่าเป็นตำรวจจับหมวกกันน๊อก 555 พี่ๆทหารน่ารักอะ มีตะเบะให้ด้วย

 

หลังจากที่ประสานงานกับทางชมรมจักรยานที่ปัตตานีมาตั้งกะปีที่แล้ว วันนี้พวกพี่ๆเขามารับกลางทาง ที่ อ.หนองจิก บอกตรงๆว่าตอนแรกคาดหวังไว้แค่ 5 คนมาปั่นด้วยกัน พี่เขาบอก เดี๋ยวกลุ่มใหญ่จะตามมาอีกที น่าจะมาอีกประมาณ 20-30 คน โห……..สุดยอดดดดดดด กลุ่มใหญ่มาก เขาบอกนี่แค่ส่วนน้อยนะ สมาชิกทั้งหมดมีเกือบ 300 คน โอ้แม่เจ้า พี่เขาบอกว่าเมื่อเช้าเพิ่งไปส่งชาวออสเตเลีย 2 คนปั่นกลับไปหาดใหญ่มาเอง เสียดายเมื่อเช้าเราออกสาย เลยไม่เจอคู่นี่

 

หลังจากทักทาย ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกเรียบร้อยแล้ว เราก็ปั่นเข้าเมืองไปด้วยกัน พี่อติชาติ (ขอโทษด้วยถ้าแน็ตจำชื่อผิด แต่แน็ตจำหน้าแม่นคะ) ได้บอกว่าทางชมรมประสานงานเรื่องที่พักเรียบร้อย เปิดห้องพักให้ที่โรงแรม C.S. Pattani ไว้แล้ว 2 คืน แน็ตกับพอลนี่เอ๋อ ไปเลย คืนละพันกว่า 2 คืนก็ปาไป 3 พันได้ เกรงใจมาก ถึงมากที่สุด เลยบอกคราวหน้ามา กรุงเทพโทรบอกด้วยนะค่ะ จะขอเอาคืน 555 ขอบคุณมากจริงๆ พอมาถึงที่พัก ถึงได้รู้ว่าเปิดห้อง Honeymoon Suite ให้ โอ๊ยยยยย เกรงใจอย่างแรง

 

ก่อนแยกย้ายพี่เขาบอกนัดอีกที บ่าย 4 นะจะพาไปพบท่านนายกเทศมนตรีของจังหวัดปัตตานี ท่านนายกเทศมนตรีก็ขี่จักรยานเหมือนกัน ท่านเป็นประธานชมรมจักรยานที่นี่ด้วย เหอเหอ

 

พอ 4 โมง พี่ซี (ตากล้องประจำชมรม) ก็มารับไปที่ว่าการอำเภอ ได้เจอทั้งท่านนายกเทศมนตรีและท่านรอง โห….ตื่นเต้นอะ กลัวพูดอะไรผิดแล้วเขาจะเตะเราออกจากจังหวัด คือทั้งแน็ตและพอลเป็นคนทำอะไรทางการไม่เป็นอะ เป็นแต่ชิวๆ เรื่อยๆ กลัวไปขัดใจอะไร แต่ทั้งสองท่านน่ารักมากคะ ชิวๆทั้งคู่เลย โดยเฉพาะท่านรอง ชิวสุดๆ 555

 

แน็ตและพอลมีความคิดนี้มานานแล้ว อยากจะนำเสนอมุมมอง ของสามจังหวัดนี้จากคนภายใน ให้คนภายนอกเห็น โดยผ่านทางเวบไซต์ของเรา ก็เลยขอรบกวนสัมภาษ์ณ ท่านนายกเทศมนตรีซะหน่อย ท่านนายกบอกว่าอะไรไปติดตามกันเองผ่าน YouTube

 

ส่วนตัวแล่้ว แน็ตว่าที่นี่มีพื้นที่เสี่ยงภัย เป็นโซนที่ไม่ควรเข้าไป แต่พอถามว่าจังหวัดอื่นมีมั้ย มันก็มีพื้นที่เสี่ยงทั้งนั้นหละ แค่ สามจังหวัดนี้ สื่อต่างๆชงให้เป็นพวกก่อการร้าย พอเป็นพวกก่อการร้าย ข่าวมันก็ดูน่าตื่นเต้น น่ากลัวกว่าข่าวฆาตกรรมทั่วๆไป ถามคนในพื้นที่จริงๆ เขาก็ว่ามันไม่ใช่ก่อการร้ายทั้งหมดหรอก แต่แค่ตำรวจบางพวกปิดคดีไม่ได้ ก็เลยโบ้ยให้เป็นพวกก่อความไม่สงบ ได้มีโอกาสคุยกับคนที่นี่เรื่องพวกนี้ ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งโมโหแทน โกรธแทนพวกชาวบ้านที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย แถมเป็นประชากรส่วนมากด้วยนะ ที่ต้องมารับเคราะห์ จากพวกนักการเมือง สมัยก่อนที่มีสมองเท่าเม็ดถั่ว คิดอะไรง่ายๆ ไม่เคยคิดถึงว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ผลกรรมทุกอย่างมันกลับมา แต่คนที่โดนผลกระทบมากที่สุดคือประชาชนตาดำๆ โอ๊ย ยิ่งเขียนยิ่งหงุดหงิด ทำไมถึงไม่มีผู้บริหารประเทศที่คิดถึงประชาชนจริงจังบ้างนะ เท่าที่เห็นพวกนี้คิดถึงแต่กระเป๋าตังค์ตัวเอง กับพวกพ้องเท่านั้นเอง ประเทศมันคงจะเจริญหละ

 

เฮ้อ…เปลี่ยนเรื่องดีกว่า กลับมาเรื่องดีๆงามๆภายในจังหวัดบ้าง หลังจากเจอท่านนายก ทางชมรมจักรยานก็พาไปเที่ยวรอบๆเมือง พร้อมทั้งมีมัคคุเทศ์กไปด้วย ขอบคุณมากคะ พี่ๆเขาพาไปศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งในหลวงและพระราชินีเคยเสด็จมา พาไปมัสยิดกลาง สวยจริงๆ เหมือนทัชมาฮาล พาไปวังเจ้าเมืองเก่า ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกเพียบเลย แต่ที่ฮาที่สุดคิอ พาไปดูจุดที่โดนระเบิดคาร์บอม์บ พี่เขาบอกเนียะโดนไปสองเดือนที่แล้ว ดูไม่ออกเลยใช่มั้ยหละว่าโดน 555 พาไปทานข้าวยำ อาหารขึ้นชื่อที่นี่ อร่อยมาก กินไปก็นึกถึงพี่แนนกับยีนส์ อยากจะส่งไปให้กินบ้าง แต่อย่ากระนั้นเลยถ่ายรูปแล้วส่งไปให้ดูน่าจะทรมานกว่า 555

 

พรุ่งนี้พักผ่อนหนึ่งวัน เพ่ือที่เตรียมร่างกายให้พร้อมกับการปั่น 100 กิโล ไปนราธิวาส ทางชมรมบอกว่า ประสานงานกับชมรมจักรยานที่นราธิวาสแล้ว จะมีกลุ่มนึงปั่นจากปัตตานีไปส่งที่มัสยิดกรือแซะ แล้วพี่ๆอีก 10 คนก็จะปั่นไปนราธิวาสด้วยกัน โดยมีชมรมจักรยานนราธิวาสแวะมารับกลางทาง ทางชมรมปัตตานีบอกว่า ทางนราธิวาสจะต้อนรับขับสู่ให้เต็มที่ เราก็บอกไม่ให้ออกค่าที่พัก ค่าอาหารให้แล้วนะ เกรงใจ เรามาเที่ยว ไ่ม่ได้อยากมาเป็นภาระให้ใคร พี่ๆเขาบอก น้องเป็นแขกบ้านแขกเรือน คนที่นี่เขาจะดูแลแขกให้ดีกว่าดูแลตัวเอง ไม่ให้มีรอยขีดข่วนใดๆ แน็ตตอบกลับไปว่า พี่คะ พวกหนูก็แค่คนบ้าสองคนขี่จักรยานมาเองนะคะ ไม่ใช่คนสำคัญอะไร 555

 

คืนนี้กลับถึงโรงแรม ท้องอิ่ม เตียงนอนนุ่ม มียิ้มพิมพ์ใจติดอยู่บนหน้า ของเราทั้งสองคน พร้อมกับความรู้สึกปลอดภัย จะขอบคุณใครไม่ได้ นอกจากชมรมจักรยานปัตตานี คราวหน้ามีโอกาสเราจะกลับมาแน่นอนค่ะ ระยะทางที่เหลือของทริปนี้เราจะทำหน้าที่เป็นอีกสื้อนึงที่จะอธิบายให้คนภายนอกได้รู้ ได้เข้าใจว่าคนปัตตานีนั้น น่ารัก ใจดี ขนาดไหน ขอบคุณจริงๆ

 

Tags: , ,

One Response to “วันที่ 7 อ.เทพา จ.สงขลา ถึง อ.เมือง จ.ปัตตานี”

  1. On พฤศจิกายน 9, 2012 at 3:53 am