On The Road

วันที่ 119-120 อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พักขา 2 วัน

ตอนแรกจะพักวันเดียวนะ แต่เมื่อคืนนอน แล้วคันขามาก คันแบบสุดๆ คิดในใจว่า เอ๊ะ หรือนี่ชั้นอาบน้ำไม่สะอาดหว่า ตอนเช้าตื่นมา อาบน้ำเสร็จพอลเห็นขา พอลบอกว่า เฮ้ย ขาไปโดนอะไรมา ตุ่มเพียบเลย เราก็ว่าเออ เมื่อคืนคันทั้งคืนเลย สงสัยอาบน้ำไม่สะอาด พอลไม่ใช่ละมั้ง แพ้่อะไรหรือเปล่า หรือโดนตัวอะไรกัด ระหว่างหาสาเหตุไปก็คันไป แต่เกาไม่ได้ เพราะพอลห้ามไว้ เหอเหอ วันนี้เลยซื้อยาแก้แพ้ ซีร์เทคมากิน ก็ภาวนาว่าเย็นนี้น่าจะยุบลง หรือหายคัน ที่ไหนได้ ช่วงเย็นๆ มันเห่อขึ้นมากว่าเดิม คราวนี้ลามมาบนตัว เอว ก้น หน้าอก แขน มากันให้เพียบ แดงน่ากลัวมาก พอลบอกให้โทรหาหมอมินท์ด่วน พร้อมทั้งถ่ายรูปขาไว้ แล้วส่งไปให้่หมอมินท์ดู หมอมินท์บอก น่าจะแพ้อะไรสักอย่างหละ เพราะดูไม่เหมือนโดนกัด สุดท้ายหมอมินท์แนะนำให้ไปซื้อยามาทานอีก 2 ตัว โลชั่นมาทาด้วย ถ้ายังไม่หายอีกไปหาหมอฉีดยาโลด คิดในใจ ขอเป็นทางเลือกสุดท้ายเถอะนะ ฉีดยานี่ไม่ไหวจริงๆ

คืนนั้นคุยกับพอลว่า ถ้าตี 5 ตื่นมาจะจับพลิกขาถ้าไม่ยุบลง ก็ไปหาหมอ แต่ถ้ายุบลงก็จะได้ปั่นกลับปาย สุดท้ายตุ่มไม่ยุบ เลยจบที่หาหมอโลด
เตรียมตัวเตรียมใจไปหาหมอหละ ออกมาหน้าโรงแรมถามเจ้าของโรงแรมว่าโรงพยาบาลไปทางไหน ระหว่างที่เจ้าของโรงแรมอธิบายทางอยู่ ก็มีหนึ่งในแขกของโรงแรมเดินออกมา พร้อมทั้งบอกว่า ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอกครับ เดี๋ยวไปซื้อ CPM มากินนะ แล้วก็เดินไป เจ้าของโรงแรมบอก อะนั่นไงหมอ เหอเหอ เลยหันไปคุยกับพอล งั้นเราก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้วดิ ก็นี่ไงหมอมาหาเองเลย 555
ที่ไหนได้ไปถึงร้านขายยา โชว์ใบสั่งยาที่หมอมินท์แนะนำมา เภสัชบอกว่า มีแค่ยา 1 ตัว กับยาทานะ อีกตัวมีส่วนผสมของสเตอร์รอยด์ ต้องให้แพทย์สั่งอย่างเดียว นั่นไง…สุดท้ายก็ต้องจบที่โรงพยาบาล
ถึงโรงพยาบาลตอน 9.50 คนก็เยอะใช้ได้ ด่านแรก ไปทำบัตรคนไข้ใหม่ เจ้าหน้าที่บอกรอสักครึ่งชั่วโมงนะคะ……จัดไป เกือบ 45 นาทีกว่าจะได้ไปด่านสอง เจ้าหน้าที่อีกคนเรียกชื่อไปพร้อมถามว่า สูงเท่าไหร หนักเท่าไหร เอิ่ม….ทำไมไม่ให้ชั้นชั่ง หรือวัดส่วนสูงหละหว่ะ ถามแบบนี้แล้วมันจะได้ตัวเลขที่ถูกต้องมั้ยเนียะ จบที่ว่ารอบเอวเท่าไหร เอิ่ม….เอาไปทำไมอะ คิดในใจ อายนะเฟ้ยมาถามรอบเอว 555
ได้บัตรประจำตัวคนไข้มา พร้อมกับบอกว่าไปรอวัดความดันตรงนั้นนะ แล้วก็เดินหายไป รอไปครับพี่น้องด่านที่สามนี่ ชั่วโมงกว่า ทำไมยังไม่เรียกอีกหว่า เจ้าหน้าที่วัดความดันมร 3 โต๊ะ คิดในใจชื่อชั้นมันต้องอยู่สักโต๊ะนี่หละ เดินไปดู นู่นอยู่โต๊ะสุดท้าย ขอโทษคะ รอมาชั่วโมงกว่า นี่ยังมีคนยังไม่ได้ตรวงอีก 8 คน อุแม่เจ้า อะไรจะช้าขนาดนี้………. สุดท้ายเรียกถูกเรียกชื่อไป พยาบาลก็ถาม วันนี้เป็นอะไร เราก็ว่าผื่นขึ้นคะ ขึ้นทั้งตัวเลย แล้วก็โชว์ขาให้ดู แล้วพยาบาลก็ถามต่อว่า แล้วนี้ปั่นจักรยานมาจากไหนหละ เอิ่ม….รู้ได้ไงอะว่าปั่นจักรยาน วันนี้เดินมาจากโรงแรมนะ พยาบาลบอก เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เห็นช่วยแฟนเข็นจักรยานขึ้นดอยอยู่ พี่ขับรถกลับเชียวใหม่เลยสวนกัน เหนื่อยมั้ย แล้วนี่เริิ่มปั่นจากไหน บลา บลา บลา คิดในใจ วัดความดันกรูสักที….คือถ้าตามปรกติเนียะ โรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่เคยไปนะ มักจะถามว่า แพ้ยาอะไรมั้ย ก็ตอนวัดความดันเนียะหละ ที่นี่มาแปลก พยาบาลบอกว่า ตกลงไม่แพ้ยาอะไรนะ เอ่ม….แพ้คะ แพ้แบคตริม แล้วก้โชว์ใบแพ้ยาจากโรงพยาบาลลาดพร้าวให้ดู คิดในใจ แทนที่จะถาม ดันสรุปเองเลยเนอะว่าไม่แพ้ เหอเหอ และแล้วก็ได้หลุดเข้ารอบ 100 คนสุดท้าย ไปนั่งเบียดกัน รอคิวหมอตรวจ คนก็เยอะๆ ไอกันใหญ่เลย เห็นน้องผู้ชายคนนึง เดินผ่านพร้อมทั้งมีหน้ากากปิดปากสำหรับเวลาไอ ที่ไหนได้ ไอ้เด็กนี่พอจะไอ มันดึงหน้ากากออก เอิ่ม…น้องคะ เพื่ออะไรคะ เหอเหอ เวลาผ่านไปเกือบเที่ยง พยาบาลที่จัดคิวคนไข้ก็บอกว่า ตอนนี้หมอจะถึงเวลาพักกลางวันแล้ว เฉพาะคนที่นั่งข้างหน้าห้องตรวจเท่านั้น ถึงจะได้ตรวจรอบเช้านี้ ที่เหลือไปทานข้าวได้่ บ่ายโมงค่อยมาใหม้นะเจ้า อุแม่เจ้า……นี่กว่าชั้นจะได้ตรวจไม่รอไปพรุ่งนี้เลยหรอเนียะ ก็นั่งรอไป รอจนคนไข้ที่นั่งรอออกไปเกือบหมด แล้วเราก็เดินไปถามพยาบาลคนนั้นว่า พี่คะ หนูชื่อนี่ เป็นผื่นที่ขา เข้าใจคะว่าไม่ด่วน แต่หนูขอแทรกคิวตรวจตอนนี้เลยได้มั้ยคะ พยาบาลบอก อ๋อได้ๆ เอ้าไปรอหน้าห้องเบอร์ 4 เลยนะ ดีนะที่หน้าด้านไปขอเขาแทรกคิวไม่งั้นอีกนาน และแล้วก็ได้เข้าสู้รอบชิงชนะเลิศ 555 ด่านสุดท้ายนี่เจอหมอ หมอเห็นขา ถามว่าช่วงสองสามวันนี้ไปทำอะไรมา นึกออกมั้ยว่าแพ้จากอะไร เราก็บอกไป คือปั่นจักรยานทั่วประเทศอะคะ เปลี่ยนที่นอนทุกคืน สองวันก่อนไปล่องแก่งมา นอนในป่าหนึ่งคืน แต่ก๋ไม่มีอะไร จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนเนียะหละคะ หมอบอก เอายานี้ไปกินนะ ถ้าไม่ดีอีกค่อยมาฉีดยา เราก็ทำใจกล้าเข้าสู้พร้อมบอกว่า พรุ่งนี้จะต้องเริ่มเดินทางต่อ มียาอะไรที่มันชะงัดเลยมั้ยคะ หมอบอกเอาชะงัดเลยใช่มั้ย งั้นไปฉีดยา !!!!! เราก็ว่าเข็มเดียวใช่มั้ยหมอ หมอบอกเอาหลายเข็มก็ได้นะ !!!! แหมพูดเป็นเรื่องตลก เข็มเดียวก็ซีดแล้วเนียะ หมอพูดปิดท้ายว่า ถ้าฉีดไปแล้ว จะมึนนะ นอนที่นี่ก่อนแล้วค่อยเดินกลับโรงแรม แล้วอีก 3-4 ชั่วโมง ถ้าเริ่มหายใจไม่ออก มึนเวียนหัว ให้โทร 1669 เลยนะ แสดงว่าแพ้อะไรที่หนักเกินกว่าตัวนี้จะจัดการแล้ว !!!! อ้าวเฮ้้ยไหงงั้นอะ นี่ลงทุนโดนหนึ่งเข็ม มีแววหายใจไม่ออก พร้อมทั้งอาจโดนอีก เข็มหรอ…… แต่ไม่ได้ เราต้องทำใจดีสู้เสือ เอ๊ย เข็ม เดินออกไปจ่ายค่ายา ค่าตรวจ เตรียมควักเครดิตการ์ดป๊ารูดแล้ว เพราะคงแพงน่าดู ทั้งยา ทั้งเข็ม ที่ไหนได้ บิลออกมา 123 บาท ค่าฉีดยาเข็มละ 20 บาท อุแม่เจ้า ถุกแบบนี้ น่าจะให้ฉีดอีกหลายๆเข็ม ฮุฮุ ก็ว่าไป…… นี่ถ้าโรงพยาบาลกรุงเทพนะ บิลออกมาพันกว่าบาทแล้ว แต่ก็อย่างว่าพันกว่าบาท แต่ก็จะจบในเวลาอย่างมากครึ่งชั่วโมง เหอเหอ โอเค จ่ายเงิน แล้วก็ไปรับยา ไอ้ตอนรับยาเนียะละที่ งง จังเลย เภสัชจัดยามาให้ พร้อมทั้งบอกว่า ตกลงไม่แพ้ยาอะไรเลยนะคะ เอ่อ…น้องคะ น้องได้ดูใบประวัติพี่มั้ยคะ เขาเขียนอยู่ว่าแพ้แบคตริม น้องเภสัชเปิดแผ่นดู พร้อมทั้งบอกว่า อ๋อ แพ้จริงๆด้วย ไม่เป็นไรคะ ชุดนี่้้ไม่มีแบคตริม เหอเหอ เออ….รอดตัวไป
และแล้วก็ถึงเวลาลงมีด เอ๊ย ลงเข็ม คือ…เป็นคนกลัวเข็มมากนะ ตอนเด็กๆทำฟัน โดนฉีดยาชาบ่อย ฉีดจนกลัวขี้ขึ้นสมอง ตอนอยู่มัํธยมปลาย เพื่อนท้าให้ไปบริจาคเลือดกับสภากาชาด อุแม่เจ้า เห็นเพื่อนโดนไปสองคน พยาบาลทิ่มเข็มเข้าไปที่ข้อพับ แล้วคว้านอะ คว่านหาเส้นเลือด มีดึงออกมาใหม่ แล้วแทงเข้าไปใหม่ เพื่อนคนนึงถึงขั้นโดนไปทิ่มแขนทั้งสองข้าง เข็มแม่งก็๋ใหญ่มาก คือจะเอาเลือดไปหมดทั้งตัวเลยมั้บค่า แค่นี่ก็ทำให้อาการกลัวหนักขึ้นไปอีก ตอนอายุ 18 ตรวจเจอซีสต์ที่รังไข่่ ผ่าตัดออก ช่วงนั้นโดนแทงแบบว่าพรุน หลายคนบอกโดนเยอะขนาดนี้หายกลัวแล้วมั้ง ที่ไหนหละ กลัวหนักกว่าเดิมอีก แม่แน็ตจะรู้เลยว่าเวลาลงเข็มเมื่อไหร เป็นเวลาดราม่าแตก แม่จะมานั่งกุมมือชวนคุย ไม่ให้กลัวเข็ม ปลอบแบบสุดๆอะ วันนี้ไม่มีแม่ มีแต่ไอ้พอล เหมือนอะไรบางอย่างขาดหาย แต่เอาหว่ะ ไอ้พอลก็ได้ ก่อนนอนลงให้พยาบาลฉีด เราก็กุมมือพยาบาลแล้วบอกว่า พี่คะหนูกลัวเข็มแบบขี้ขึ้นสมอง รบกวนเบามือกับหนูหน่อยนะคะ พยาบาลหัวเราะบอกน้องนี่ตลกจัง คิดในใจตลกบ้าอะไร กรูจะตายอยู่แล้วเนียะ นอนลงให้พยาบาลฉีด พอลก็กุมมือชวนคุย แต่หัวเราะใหญ่เลย พยาบาลก็บอก ใจเยนน้อง พี่ยังไม่ได้ฉีด ขอหาเส้นเลือดก่อนนะ คือพี่หา แต่หนูรู้สึกถึงแอลกอฮอล์เช็ดที่ข้อพับหละ จุดที่โดนแอลกอฮอลล์เช็ด มันเหมือนประสาทสัมผัสของร่างกายทั้งหมดที่มี มุ่งไปจุดนั้นจุดเดียวเลย แต่พยาบาลคนนี้มือเบา ทิ่มทีเดียว จบ นอนน้ำตาไหล เจ็บ พอลปลอบใจ พยาบาลชวนคุย โห ขี่จักรยานมาหรอ โหเข้าป่าหรอ นี่ถ้าน้องอยู่ดีๆมีไข้ขึ้นสูงโดยไม่มีสาเหตุ วิ่งเข้าโรงบาลเลยนะ แล้วบอกไปว่ามีประวัติเข้าป่าที่แม่ฮ่องสอนมา ตอนนี้ยุงช้าง โห….ช้างเลยหรอหว่ะ มันเยอะ บลา บลา บลา แล้วสักพักพยาบาลก้ไป พอลถามว่าโอเคมั้ย เราก็ว่าโอเค แต่มึนอะ พอลบอกไม่แปลกใจ แน็ตพูดโคดช้าเลย แล้วก็หัวเราะ สักพักนึกได้ว่าถ้าหายใจไม่ออกให้โทร 1669 ก็พยายามบอกพอลว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นโทร 1669 นะ ภาษาอังกฤษก็ไม่ทำงานเท่าที่ควรจะเป็น มึนโคด พูดไปพอลก็ถาม ฮ้า..อะไรนะ เอาใหม่ดิ โทร 1996 หรอ คิดในใจ ฝากฝังมันตอนนี้กรูจะรอดมั้ยเนียะ ดูสับสนเหลือเกิน แล้วพอลก็ถามว่า แล้วเราพักอยู่โรงแรมชื่ออะไรอะ คิดในใจ กรูว่าคงไม่รอดแน่แล้ว โรงแรมชื่ออะไรยังนึกไม่ออกเลย เหอเหอ แล้วพอลก็บอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าแน็ตเป็นอะไร จะบอกให้คนแถวนั้นโทร 1669 ให้นะ โอเค ค่อยเห็นไฟริบหรี่หน่อย
สรุปเข็มนี้ทำงานดีมาก หลับไป 3 ชั่วโมง ตื่นมา หายคันแต่ก็ตุ่มก็ยังน่ากลัวอยู้่ ทานยาควบคู่ ตุ่มก็เริ่มเล็กลง แต่ก็ยังอยู่ เอาหว่าอย่างน้อยก็ไม่เพิ่มขึ้นละกัน

Tags: ,

No comments yet.

Add your response